“Ca va, La bes?” นั่นคือ คำทักทายที่เราได้ยินทุกที่และได้ยินเสมอเวลาเดินสวนกับคนที่นี่
ที่ประเทศนี้ค่ะ ประเทศตูนิเซีย Tunisia
สำหรับงานชุดนี้ ก็ได้แรงบันดาลใจจากเมือง และสถานที่ต่างๆ ในประเทศตูนิเซียซึ่งก่อนจะไปดูชิ้นงานที่ได้ออกแบบไว้ ก็จะขอเล่าเกริ่นถึงเมืองนี้ซะหน่อยค่ะ บอกเลยว่าสนุกมาก และเติมไปด้วยเรื่องเหลือเชื่อ
เมืองตูนิสเป็นเมืองหลวงของประเทศตูนิเซียค่ะมีชื่อเป็นทางการคือ สาธารณรัฐตูนิเซีย เป็นประเทศอาหรับมุสลิมที่ตั้งอยู่ในแอฟริกาเหนือ บนชายฝั่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียน และเป็นประเทศที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานมาก ๆ ประเทศหนึ่ง และแน่นอนว่าวัฒนธรรมและศิลปะนั้นดั้งเดิม มีเสน่ห์และมีเอกลักษณ์ของตัวเองชัดเจนมาก ๆ เราไปมาหลายเมือง ซึ่งสภาพอากาศก็ร้อนแบบบ้านเราเลยค่ะ และในการออกแบบงาน Series นี้ ทรายก็ดึงเอา 3 เรื่องราว สนุก ๆ ลวดลายสวยๆ มาเล่าสู่กันฟัง
ก่อนจะเดินทางไปที่นี่ เราก็ต้องทำวีซ่าก่อนค่ะ ซึ่งพาสปอร์ตเราจะถูกส่งไปประเทศอินโดนีเซีย และใช้เวลานานมากๆ ในการเดินเรื่องขอวีซ่า หากใครที่เดินทางบ่อย ๆ จะลำบากมากค่ะ เพราะเราไม่รู้เลยว่าเขาจะส่งพาสปอร์ตกลับมาเมื่อไหร่ และเราได้วีซ่าไหม เราทำวีซ่ารอบแรกไม่ผ่าน เลยยื่นอีกรอบค่ะ ตอนเดินทางไปประเทศตูนีเซีย ทรายออกเดินทางจากเมือง Lyon, France ใช้เวลาไม่นานก็ถึงค่ะ แต่กว่าจะผ่าน ตม. ได้ น่าจะ 2 ชั่วโมง ยืนกันเมื่อยเลยค่ะ
ใน Series Incredible Tunisia ทรายจะมีผลงานออกมา 3 ลวดลาย ที่ได้แรงบันดาลใจจากสถานที่ต่าง ๆ เรามาดูกันไปทีละเรื่องนะคะ งา นนี้ ออกแนวรีวิวท่องเที่ยวด้วย ขายงานด้วยค่ะ
Médina de Tunis
ใจกลาง Tunisia ก็คือ Tunis นั่นเอง เป็นย่านเมืองเก่า ที่นี่มีเสน่ห์มาก เราไปถึงตอนกลางคืนเลยไม่ค่อยจะเห็นอะไร แต่พอเช้ามา คือ เหมือนหลุดมาอยู่อีกโลกหนึ่งเลยค่ เหมือนออกจากตะเกียงแก้ว ถ้าไม่ชำนาญทาง อย่าเดินคนเดียวค่ะ หลงแน่นอน คนที่นี่เวลาเดินสวนกันเขาจะทักทายกันว่า Ca va? La bes? หมายถึง สบายดีไหม เนื่องจากเขาใช้ภาษาฝรั่งเศส เพราะเคยตกเป็นเมืองขึ้นของฝรั่งเศส ก็รอดไปค่ะ ค่อยคุยกันรู้เรื่องหน่อย ในเมือง Tunis จะเป็นเขาวงกตเลยก็ว่าได้ พอถามเส้นทางคนแถวนั้นปุ๊ป เขาก็จะบอกให้ Turn-left, turn right, Turn-left, turn right, Turn-left, turn right, Turn-left, turn right..... ตูหลง! ตูนิเซีย คือ เดินเป็นวงกลมกันไป สิ่งที่ชอบในเมืองนี้ คือ ประตูสีฟ้า มันเอกลักษณ์ของเขา (คือประเทศอื่นก็มีนะคะ แถบเมดิเตอร์เรเนียนก็จะมีงานศิลปะคล้าย ๆ กัน) และลวดลายกระเบื้องตกแต่งในบ้านเขา เรามีโอกาสได้ไปดูหลาย ๆ บ้าน ลักษณะงานก็จะคล้าย ๆ กันมีโทนสีเหลือง ฟ้า น้ำเงิน แดง ประดับผนังและพื้นด้วยกระเบื้องวาดมือ นั่นแหละ คือ แรงบันดาลใจให้สร้างผลงานชิ้นนี้ médina de Tunis
ในส่วนของลวดลาย Médina de Tunis
นั้น จะเป็นลักษณะลวดลายกระเบื้องวางสลับกันแบบ Random โทนสีเหลืองแบบ Yellow Hue และเขียวแบบ Aqua green โดยเราใช้เทคนิคการสร้างสรรค์สีน้ำบนกระดาษ และเพิ่มความละเอียดของลวดลายเล็ก ๆ เข้าไป แต่งเติมด้วยผล Lemon ให้งานดูสดชื่น
Bleu de Nabeul
เขาทำงานกันแบบนี้ เขามีอิสระ และมีฝีมือที่เป็นเอกลักษณ์ของเขาในการทำงาน เขามีกันอยู่ 5 คน จริงค่ะ
สักพัก คนวาดลายก็กลับมาทำงานต่อ เราก็ถามว่าขอลองได้ไหม เขาก็ให้ลอง ที่น่าสนใจ คือ เราถามเจ้าของโรงงานว่าลวดลายกระเบื้องที่เราเห็น มันเริ่มจากยุคไหน เขาบอกมันมีมานานแล้ว เป็นลายเอกลักษณ์ของที่นี่ คือ ลายกระเบื้องลายเส้นสีน้ำเงิน ตอนนี้เขาไม่ค่อยได้ทำแล้ว เขาใช้เครื่องจักรเยอะขึ้น ลักษณะก็มีความร่วมสมัยมากขึ้น ก็นะ เวลาเปลี่ยน คนเปลี่ยนในเมือง Nabeul นี้ เราเห็นสีน้ำเงินที่เป็นเอกลักษณ์ของเขา และลวดลายกระเบื้องที่เป็นเป็นอมตะ มันเป็นเรื่องราวที่ทำให้เกิดเป็นแรงบันดาลใจในการสร้างลาย Bleu de Nabeul ลวดลายกระเบื้องธรรมดา ๆ ที่เราว่านี่แหละ เสน่ห์ของมัน ขาวฟ้า ลวดลายดั้งเดิม จัดเรียงใหม่ ใส่ความละเอียดเข้าไป
สำหรับลาย Bleu de Nabeul เราใช้โทนสีน้ำเงินที่ได้แรงบันดาลใจจากเมืองนี้ ลายเส้นและโทนสีที่ออกมาจึงมีความเรียบง่ายเหมือนลวดลายบนกระเบื้อง หากใครได้ลองมาทำ Wrokshop กับ Janfive Studio ในช่วงปี 2018 ก็จะได้ลองวาดลายนี้กันแล้วนะคะ เพราะเคยทำ Workshop การวาดลายและลงสีแบบกระเบื้อง
Sidi Bou Saïd
เมืองนี้เป็นอีกสถานที่หนึ่งที่มีชื่อเสียงมาก ๆ เป็นเมืองที่อยู่บนเนินผา มองเห็นวิวทะเลเมดิเตอร์เรเนียนไกล ๆ
เราเดินขึ้นเขาไปเรื่อย ๆ เราจะเห็นว่าคนที่นี่จะออกมาอยู่กลางแจ้ง มีกิจกรรมให้ทำกันตลอดทั้งวัน
ในฐานะที่เป็นนักท่องเที่ยวชาวเอเชีย หน้าตาไม่ได้ไปทางฝรั่ง จีน และไม่ได้เมดิเตอร์เรเนียนมาเลย เวลาเดินไปในเมืองนี้ เขาก็จะทักทายคนเอเชียอย่างเราเป็นภาษาจีนบ้างละ ภาษาญี่ปุ่นบ้างละ แต่ไม่มีใครเดาถูกว่าเรามาจากที่ไหน เราว่าตรงนี้อ่ะสนุก เดินเล่นเรื่อย ๆ กับอากาศดี ๆ พระอาทิตย์กำลังตก อยู่ในเมืองที่เหมือนกับว่าเราหลุดออกมาจากตะเกียงวิเศษ เราก็ได้เห็นวัฒนธรรมใหม่ ๆ (สำหรับเรา)
เมืองนี้ เราก็จะนำเสนอลวดลายที่ต่างออกไป เพราะส่วนใหญ่ ลวดลายที่พบเจอจะเป็นลักษณะเรขาคณิต แต่จะมีลวดลายลักษณะหนึ่งเป็นดอกไม้สีแดง เข้าใจว่าเป็นดอกกระเจี๊ยบถ้าจำไม่ผิดนะคะเราได้เอาลวดลายนั้นมาเป็นแรงบันดาลใจ ปรับแต่งรูปร่างใหม่ และจัดวางด้วยวิธีใหม่ ให้มีความสดใสขึ้น มีเอกลักษณ์แบบ Janfive Studio มากขึ้น ลายนี้จะแตกต่างจากลวดลายที่เคยทำ ๆ มา เพราะนอกจากประยุกต์ลวดลายที่ได้จากแรงบันดาลใจแล้ว เรายังเลือกใช้สีแดง Red Hue เป็นสีหลัก จากที่เคยทำงานในโทนสีเย็น
หลังจากที่เราได้ลวดลายตามที่ต้องการ ต่อไปก็จะเป็นขั้นตอนของการเอาลวดลายนั้น ไปพิมพ์ด้วยเทคนิคต่างๆ ลงบนสินค้าที่มีพื้นผิว และการใช้งานที่ต่างกัน ความยากอยู่ตรงนี้ เพราะเมื่อพื้นผิวต่างกัน การจะทำให้สีของสินค้าแต่ละตัวเท่ากัน 100% เป็นเรื่องยากมาก เราจึงปรับเทคนิคการผลิตรวมถึงต้นแบบของลวดลาย เลือกใช้วัตถุดิบที่ควบคุมได้ง่าย เพราะหากเราออกแบบสวยแค่ไหน แต่ถ้าฝ่ายผลิตทำไม่ได้ หรือออกมาไม่ดี งานเราก็ไม่ได้เกิด ที่พยายามมาจะสูญเปล่าแล้วจะท้อกันเสียก่อน
มาต่อกันที่สินค้าที่เราผลิตออกมา ครั้งนี้มีสินค้าหลายรูปแบบ ทั้งที่เป็นของใช้ในบ้าน เช่น ปลอกหมอนอิงที่ทำมาถึง 3 ขนาดไว้ตกแต่งโซฟาและห้องนอนเพิ่มความสดใส จานเซรามิกพิมพ์ลายที่เป็นตัวเด็ดของ Janfive Studio ผ้าปูโต๊ะและผ้าเช็ดปาก เอาไว้ตกแต่งโต๊ะอาหารต้อนรับแขกสำหรับมื้อพิเศษ รวมถึงของใช้ในชีวิตประจำวัน เช่น กระเป๋าสะพาย กระเป๋าเครื่องสำอางค์ โบว์ผูกผมที่ทำจากผ้าไหมแท้ ซึ่งเป็นสินค้าที่ใช้ผ้าพิมพ์ลายในชุด Tunis ทั้งหมด
มาถึงตรงนี้ คาดว่าหลายคนก็อยากเดินทางไปดินแดนตูนีเซีย หรือ บางคนก็อาจจะอยากลงมือวาดลวดลายออกมาสักลวดลาย ที่สำคัญ อย่าลืมที่จะเพิ่มพลังให้ตัวเองด้วยการค้นหาแรงบันดาลใจและฝึกฝนทั้งเรื่องของการออกแบบและการวาดรูปอย่างสม่ำเสมอนะคะ วันนึงหากเราได้เดินทาง พอกลับมาแล้วเราอาจจะมีงานชุดสักชุดหนึ่งเป็นของตัวเองก็ได้ค่ะ
บทความวันที่ 5 เมษายน 2565
อ้างอิง
https://www.citibank.co.th/citibanktravelservice/pdf/CTS_GRAND_TUNISIA-10D7N_SEP-DEC12.pdf
Leave a comment